tag:blogger.com,1999:blog-64229662353153072962024-02-02T11:58:23.716-08:00nursenursehttp://www.blogger.com/profile/15732672837613274503noreply@blogger.comBlogger3125tag:blogger.com,1999:blog-6422966235315307296.post-21153826665263514622007-11-07T02:15:00.000-08:002007-11-07T02:15:02.067-08:00ดอกกล้วยไม้<p style="VISIBILITY: visible"><object style="WIDTH: 426px; HEIGHT: 320px" type="application/x-shockwave-flash" height="320" width="426" data="http://widget-9d.slide.com/widgets/slideticker.swf"></object><p><a href="http://www.slide.com/pivot?cy=ms&ad=0&id=648518346364646045&map=1" target="_blank"><img src="http://widget-9d.slide.com/p1/648518346364646045/ms_t000_v000_a000_f00/images/xslide1.gif" border="0" /></a> <a href="http://www.slide.com/pivot?cy=ms&ad=0&id=648518346364646045&map=2" target="_blank"><img src="http://widget-9d.slide.com/p2/648518346364646045/ms_t000_v000_a000_f00/images/xslide2.gif" border="0" /></a> <a href="http://www.slide.com/pivot?cy=ms&ad=0&id=648518346364646045&map=E" target="_blank"><img src="http://widget-9d.slide.com/m/648518346364646045/ms_t000_v000_a000_f00/images/xslide9_1.gif" border="0" /></a></p><p></p>nursehttp://www.blogger.com/profile/15732672837613274503noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6422966235315307296.post-24067285715119886032007-11-01T03:21:00.001-07:002008-12-09T14:53:20.683-08:00เอื้องผึ้ง<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgu2ajwEK1jQrC7Mt7l2gS1ZgcX2S8cEHmHXAJarTBRkLOrmOlWcfZFAtx-ldOXye7u1-r15PBBLlrqFjDFzv3V69nS1mtjcBEEkDshKZap-sm6TueIZIwurAx6-J_vMuLNlp7_RpuvpSpe/s1600-h/5.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5116736796503154258" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 225px; CURSOR: hand; HEIGHT: 183px" height="203" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgu2ajwEK1jQrC7Mt7l2gS1ZgcX2S8cEHmHXAJarTBRkLOrmOlWcfZFAtx-ldOXye7u1-r15PBBLlrqFjDFzv3V69nS1mtjcBEEkDshKZap-sm6TueIZIwurAx6-J_vMuLNlp7_RpuvpSpe/s320/5.jpg" width="282" border="0" /></a><br /><div><div><div><br /><br /><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjhxasmLGwkO5OcDdtm874AhIdfuYvujwXtXeRCEYWHARYKzrNyGd9PY29Az_lOi1uGuZITRVavFwJiVd_vM2Ryn4SJDNdo1kApdemrrPwjbkGf1HgBRy-y2owcwz03ZyVSo88jgqx4nc6H/s1600-h/IMG.jpg"></a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjhxasmLGwkO5OcDdtm874AhIdfuYvujwXtXeRCEYWHARYKzrNyGd9PY29Az_lOi1uGuZITRVavFwJiVd_vM2Ryn4SJDNdo1kApdemrrPwjbkGf1HgBRy-y2owcwz03ZyVSo88jgqx4nc6H/s1600-h/IMG.jpg"></a><br /><span style="color:#ffcc33;"><em><span style="font-size:180%;"><strong>วิชา สุนทรียศาสตร์</strong></span></em> </span><br /><br /><div><span style="color:#999900;">1. สุนทรียศาสตร์หมายถึงอะไร </span><br /></div><div><span style="color:#66cccc;">สุนทรียศาสตร์ หมายถึงวิชาว่าด้วยความงาม ซึ่งครอบคลุมถึงความงามในธรรมชาติ และความงามในผลงานที่มนุษย์สร้างขึ้นเป็นงานศิลปกรรม ตลอดจนความงามของขบวนการสร้างผลงานนั้นๆด้วย </span><br /></div><div><span style="color:#999900;">2. ประโยชน์ของวิชาสุนทรียศาสตร์ </span><br /></div><div><span style="color:#66cccc;">1. ส่งเสริมกระบวนการคิด การตัดสินความงาม อย่างสมเหตุสมผล </span><br /></div><div><span style="color:#66cccc;">2. ช่วยกล่อมเกลาให้เป็นผู้มีจิตใจอ่อนโยน มองโลกในแง่ดีอย่างมีเหตุผล </span><br /><span style="color:#66cccc;">3. สร้างเสริมประสบการณ์สุนทรียให้กว้างขวางเพื่อการดำรงอยู่อย่างสันติสุข </span><br /><span style="color:#66cccc;">4. ส่งเสริมแนวทางในการแสวงหาความสุขจากความงามของสิ่งต่างๆ ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม</span><br /><span style="color:#66cccc;">5. ส่งเสริมให้เห็นความสำคัญของสรรพสิ่ง และการบูรณาการเพื่อการประยุกต์ใช้เป็นประโยชน์กับชีวิตประจำวันด้วยเหตุผลและความรู้สึกที่สอดคล้องกัน</span></div><div><span style="color:#ff0000;"><span style="color:#999900;">3. สุนทรียศาสตร์มีประโยชน์อย่างใรต่อวิชาชีพพยาบาล</span><br /></span></div><div><span style="color:#33ffff;">1</span><span style="color:#66cccc;">. ช่วยให้ผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาล สามารถใช้ทั้งศาสตร์และศิลปในการพยาบาลได้อย่างเหมาะสม</span><br /></div><div><span style="color:#66cccc;">2. ช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาล มีกระบวนการคิดอย่างสมเหตุสมผล </span><br /><span style="color:#66cccc;">3. ช่วยกล่อมเกลาให้ผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาล มีจิตใจอ่อนโยน มองโลกในแง่ดีอย่างมีเหตุผผล </span></div><div><span style="color:#66cccc;">4. ส่งเสริมให้ผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาลเห็นความสำคัญของสรรพสิ่ง และการบูรณาการ เพื่อการประยุกต์ใช้เป็นประโยชน์กับชีวิต</span></div><div><span style="color:#66cccc;">ปร </span><span style="color:#66cccc;">จำวันด้วยเหตุผล </span></div><div><span style="font-size:130%;color:#ffcc33;">สถาปัตยกรรม ( Architecture )</span></div><div>เ<span style="color:#66cccc;">ป็นผลงานศิลปะที่แสดงออกด้วยการก่อสร้าง สิ่งก่อสร้าง อาคารที่อยู่อาศัยต่างๆ การวางผังเมือง การจัดผังบริเวณ การตกแต่งอาคาร การออกแบบก่อสร้าง ซึ่งเป็นงานศิลปที่มีขนาดใหญ่ต้องใช้ผู้สร้างงานจำนวนมากและเนงานศิลปะที่อยู่ยืนยาว สถาปัตยกรรมเป็นวิธีการจัดสรรบริเวณที่ว่างให้เกิดประโยชน์ใช้สอยตามความต้องการ วึ่งเกี่ยวกับศาตร์ในสาขาต่างๆ เช่น วิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมวิทยา มนุษยวิทยาและศิลปะ ความงาม และคุณค่าของสถาปัตยกรรมขึ้นอยู่กับองค์ประกอบดังนี้</span></div><div><span style="color:#66cccc;">1. การจัดสรรบริเวณที่วางให้สัมพันธ์กันของส่วนต่างๆทั้งภายในและภายนอก</span></div><div><span style="color:#66cccc;">2. การจัดรูปทรงของสถาปัตยกรรมให้เหมาะสมกับประโยชน์ใช้สอยและสิ่งแวดล้อม</span></div><div><span style="color:#66cccc;">3. เลือกใช้วัสดุให้เหมาะสมกลมกลืน </span></div><div><span style="color:#66cccc;"></span></div><div><span style="font-size:130%;color:#ffcc33;">สถาปัตยกรรมแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ</span></div><div><span style="color:#66cccc;">1. ชนิดที่สร้างขึ้นเพื่อให้มนุษย์เข้าไปอาศัยอยู่ หรือประกอบกิจกรรมต่างๆเช่น อาคาร บ้านเรือน โบสถ์ วิหาร ศาลา</span></div><div><span style="color:#66cccc;">2. ชนิดสร้างขึ้นเพื่อประโยชน์ใช้สอยอย่างอื่นๆ เช่น อนุสาวรีย์ เจดีย์ สะพาน เป็นต้น ผู้สร้างสรรค์งานศิลปกรรมเรียกว่า สถาปนิก ( Architect )</span></div><div><span style="color:#66cccc;"></span></div><div><span style="color:#ff0000;"><span style="font-size:180%;">สถาปัตยกรรมเกี่ยวกับอาคารที่อยู่อาศัย</span> </span></div><div><span style="font-size:130%;color:#ffcc33;">เรือนไทย </span><br /><br /></div><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEikndpJnpRYwL2Qoe_klo-q2UkJctn7Lu9TC7qlmpCgpjHthuYDXS5egaPl8LdTQ5F3jNcomzIeqe7hIBSEHiEKcIqiZeUn6XdIEQL214YbxRbikpkF_SkMe61qDtxewJdfr5ytbQozhRfd/s1600-h/à¹à¸£à¸·à¸­à¸à¹à¸à¸¢+2.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5127682964610134818" style="CURSOR: hand" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEikndpJnpRYwL2Qoe_klo-q2UkJctn7Lu9TC7qlmpCgpjHthuYDXS5egaPl8LdTQ5F3jNcomzIeqe7hIBSEHiEKcIqiZeUn6XdIEQL214YbxRbikpkF_SkMe61qDtxewJdfr5ytbQozhRfd/s320/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2+2.jpg" border="0" /></a><br /><span style="color:#66cccc;"><span style="font-size:130%;">คนไทยในอดีตยึดถือธรรมชาติเป็นแม่บทพื้นฐานในการดำเนินชีวิตเป็นสำคัญ โดยการปรับตัวให้สอดคล้องกลมกลืนกับธรรมชาติ การสร้างสรรค์ศิลปกรรม หรืองานช่างต่าง ๆ จึงแฝงไปด้วยปัญญาแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน มีเอกลักษณ์ที่แสดงออกถึงชีวิตจิตใจของคนไทยเรือนไทยpสมัยโบราณ ซึ่งใช้เป็นอาคารพักอาศัยที่เห็นกันอยู่นั้น มักจะแสดงถึงระเบียบแบบแผนการอยู่ดีกินดีของชาติไทยว่าเป็นอย่างไรอย่างชัดเจน อาคารแบบเรือนไทยส่วนมากสร้างด้วยไม้ เนื่องจากอิทธิพลทางด้านทรัพยากรธรรมชาติ ไม้เป็นสิ่งที่หาได้ง่ายและใช้สะดวกตามวิธีการของช่างในสมัยนั้น สำหรับธาตุของไม้เมื่อเปรียบเทียบกับสถาปัตยกรรมที่ทำด้วยโครงสร้างถาวร เช่น ปูน หรือคอนกรีต ย่อมมีอายุน้อยกว่า จึงหาหลักฐานดั้งเดิมได้ยาก นอกจากได้มาจากตำนานของโบราณเท่านั้น จะเห็นว่าโบสถ์วิหารในสมัยอยุธยาที่เหลืออยู่ เราก็ทราบเรื่องราวได้จากบันทึกทางประวัติศาสตร์หรือหลักฐานจากซากปรักหักพังนั่นเอง<br />เรือนไทยเป็นอาคารไม้ชั้นเดียว ยกพื้นสูง ใต้ถุงโปร่ง มักสร้างเป็น 3 ช่วงเสา ฝาเป็นกรอบใส่ลูกฟักที่เรียกว่า ฝาปะกน คูหาหนึ่ง ๆ มีหน้าต่างขนาดเล็กและแคบปิดเข้าภายในโดยตั้งอยู่บนเดือยไม้ ประตูก็สร้างด้วยวิธีเดียวกัน ฝาตั้งอยู่บนพรึงโดยรอบ 4 ด้านระเบียงสร้างขนานไปตามความยาวของตัวเรือน หลังคาหน้าจั่วทรงสูงคลุมลงมาถึงส่วนที่เป็นระเบียง มีนอกชานเป็นพื้นที่ติดต่อถึงห้องครัว ซึ่งอาจทำเป็นครัวแยกออกไปต่างหาก เราจะเห็นได้ว่าเรือนไทยสร้างขึ้นตามสภาพแวดล้อมทางภูมิประเทศและลมฟ้าอากาศจึงมีลักษณะดังกล่าวแล้ว ขนบธรรมเนียมประเพณีในความเป็นอยู่รวมทั้งนิสัยใจคอของชาวไทยก็มีส่วนประกอบให้เกิดรูปแบบของเรือนพักที่ค่อนข้างตายตัวพอที่จะยึดเป็นหลักเกณฑ์ได้ การปลูกสร้างเรือนไทยแต่เดิมมาเป็นแบบสำเร็จรูป ซึ่งแสดงถึงสภาพทาสังคมที่มีส่วนทำให้เกิดรูปแบบในการก่อสร้างขึ้น<br />สำหรับลักษณะของการวางอาคารและขนาดเรือนนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนคนอาศัยและทุนทรัพย์ตามปกติถ้าบ้านหนึ่งอยู่รวมกัน 2 ครอบครัว ก็สร้างเรือนเพิ่มขึ้นอีกหลังหนึ่งทางด้านใดด้านหนึ่งของอาคารหลังแรก เรือนขนาดใหญ่ก็จะสร้างตัวเรือนทำนองนี้ นอกจากนั้นก็ยังมีอาคารอื่นสร้างเรียงข้าง คือ หอนั่ง ศาลาพักร้อนในสวน เรือนนกเขา ศาลาท่าน้ำ ฯลฯ ล้วนแต่มีลักษณะไทย จะเห็นได้ว่าเรือนไทยสมัยโบราณได้มีวัฒนธรรมอย่างสูงมาแล้ว ดังปรากฏอยู่ในแบบบ้านไทยอย่างสมบูรณ์<br />แผนผังของเรือนหมู่โดยมากจะมีเรือนหลักอยู่กลาง ซึ่งเป็นเรือนดั้งเดิมของพ่อแม่หรือเรือนประธานซึ่งเรียกว่า หอกลาง เป็นเรือนขนาดใหญ่ 3 – 5 ห้อง ต่อมาจะมีเรือนอยู่ข้างหอกลางไปทางซ้ายและขวาเรียกว่า หอรี ซึ่งทำหน้าที่เป็นครัวไฟ และเรือนของลูกที่ออกเรือนไป ส่วนที่อยู่ถัดหอรีออกไปเป็นเรือนปลูกตามขวางเรียกว่า หอขวาง และมักเป็นเรือนขวางตะวัน จึงไม่ใช่เป็นเรือนนอน คงปล่อยโถงไว้กั้นฝาสามด้านสำหรับแขก เมื่อมีเรือนปลูกกันเป็นหมู่ ชานเรือนก็จะต้องติดต่อถึงกันและมีบริเวณกว้างมาก จึงปลูกเป็นเรือนโถงขึ้นที่กลางชาน สำหรับนั่งเล่นและใช้เวลามีงาน เช่น สวดมนต์เลี้ยงพระ เรียกว่า หอนั่ง เรือนหลังนี้ถ้าปล่อยไว้โล่ง ๆ ด้านหลังหอนั่งจะทำเป็น หอนกและปลูกเป็นร้านต้นไม้เลี้ยง ไม้ดอกไม้ใบต่าง ๆ<br /><br /><span style="color:#999900;">ลักษณะของเรือนไทย<br /></span>1. ลักษณะโครงสร้างง่าย ๆ และเปิดเผย ไม่มีห้องสลับซับซ้อน เปิดเผยขึ้นส่วนโครงสร้างอย่างชัดเจน เช่น ขื่อท แป อกไก่ ฯลฯ<br />2. นิยมสร้างอาคารชั้นเดียวใต้ถุนสูง บ้านชั้นเดียวจะให้ความรู้สึกปลอดโปร่ง สงบและมั่นคง ประกอบกิจกรรม หรือพักผ่อนรับลมเย็นได้ตามธรรมชาติ และใต้ถุนสูง ยังป้องกันน้ำท่วมได้ด้วย<br />3. มีประตูหน้าต่างเล็กแคบ เพื่อป้องกันไม่ให้แสงสว่างผ่านเข้ามามากเกินไป ช่วยลดความร้อนอบอ้าวจากแดด หากเป็นอาคารทางศาสนา จะช่วยให้บรรยากาศเงียบสงบ ก่อให้เกิดความศรัทธาเลื่อมใส<br />4. หลังคาสูง จะช่วยให้น้ำฝนไหลลงอย่างรวดเร็ว ให้น้ำไม่ขัง หลังคาไม่รั่ว พื้นที่ภายในหลังคาสูงโปร่ง ช่วยระบายอากาศร้อนได้ดี นอกจากนี้ยังมีกันสาดป้องกันน้ำฝนและแสงแดดผ่านเข้าไปในตัวบ้าน<br />5. พื้นบ้านต่างระดับช่วยระบายอากาศ และทำให้มองเห็นทัศนียภาพใต้ถุน ทั้งยังได้ใช้เป็นที่นั่งหย่อนขาในอิริยาบถที่สบายได้ด้วย<br />6. สร้างหลังคาซ้อนกันหลายชั้น เพื่อให้เกิดความงามในจังหวะ เกิดความรู้สึกสง่างามและมีความมั่นคง<br /><br /></span><span style="font-size:130%;"><span style="color:#999900;">ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อรูปแบบเรือนไทย<br /></span>1. สนองประโยชน์ใช้สอย ตามความเป็นอยู่อย่างง่าย ๆ รักสันโดษ<br />2. ความผูกพันกับธรรมชาติ เชื่อว่าตนเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ<br />3. ดินฟ้าอากาศที่ร้อนอบอ้าว ความชื้นสูง ฝนชุก แดดแรง<br />4. อาชีพเกี่ยวกับเกษตรกรรม<br />5. คตินิยมทางศาสนา ประเพณี และไสยศาสตร์<br />6. วัสดุที่ใช้ในการปลูกสร้าง ได้แก่ ไม้ </span></span></div><br /><div></div><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg3so8LfWruTk48CYQXZE-yGg412JWGgKIi4_lIhfru_ghbN7U0tFWLsNIURTWT-50V2PTqWp8QAIuwj5W33TpX_ep7cNVdBFg0_m9YWrpA-Px02_Yz2wXt1HiV8Iai7vdvWCtdy6YmZcgk/s1600-h/à¹à¸£à¸·à¸­à¸à¹à¸à¸¢à¸à¸²à¸à¸à¸¥à¸²à¸.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5127795655962047298" style="WIDTH: 316px; CURSOR: hand; HEIGHT: 268px" height="174" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg3so8LfWruTk48CYQXZE-yGg412JWGgKIi4_lIhfru_ghbN7U0tFWLsNIURTWT-50V2PTqWp8QAIuwj5W33TpX_ep7cNVdBFg0_m9YWrpA-Px02_Yz2wXt1HiV8Iai7vdvWCtdy6YmZcgk/s320/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87.jpg" width="300" border="0" /></a> </div></div></div></div>nursehttp://www.blogger.com/profile/15732672837613274503noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6422966235315307296.post-579567328305369762007-10-31T08:41:00.000-07:002008-12-09T14:53:21.028-08:00เอื้องผึ้ง<span style="font-family:times new roman;"></span><br /><div><br /><span style="font-family:times new roman;color:#ffcc33;">ประวัติของข้าพเจ้า<br />นางสังวาลย์ หาญณรงค์<br />นักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณพิต ( ต่อเนื่อง ) รุ่นที่ 16</span><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiY6Cgy22uEorpzhQblA7xpZoXFFnsD5fWx4GCSBbrs23MMPYdkoPO4eIgLLgkwETUXZDv0P8GwmxeOC87az25a_OUTQ7dIFQWNRFvGXqTyrjNyMbMU6zRtMGICVjMZPzDcSiRdcPrfP03H/s1600-h/IMG.jpg"><span style="font-family:times new roman;color:#ffcc33;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5116991475178905186" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 139px; CURSOR: hand; HEIGHT: 201px" height="305" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiY6Cgy22uEorpzhQblA7xpZoXFFnsD5fWx4GCSBbrs23MMPYdkoPO4eIgLLgkwETUXZDv0P8GwmxeOC87az25a_OUTQ7dIFQWNRFvGXqTyrjNyMbMU6zRtMGICVjMZPzDcSiRdcPrfP03H/s320/IMG.jpg" width="196" border="0" /></span></a><span style="color:#ffcc33;"><span style="font-family:times new roman;"><br />วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ราชบุรี<br />มาศึกษาที่วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ราชบุรีเพื่อนำควงามรู้ไปพัฒนาตนเอง พัฒนาหน่วยงานที่ทำงานเพื่อให้เกิดการ<br />พัฒนาอย่างต่อเนื่องกับประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพแข็งแรง มีการสร้างสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนมีสุขภาพดีถ้วนหน้า</span><br /><br /></span><span style="color:#ff0000;"><span style="font-family:Times New Roman;">คำถามเรื่องคุณค่า</span><br /><span style="font-family:Times New Roman;"></span><br /></span><span style="color:#999900;"><span style="font-family:Times New Roman;">1. ถ้าคุณค่าหมายถึงคุณสมบัติ เช่น ของเหลว ร่วน แข็ง ก็ย่อมเป็นลักษณะของคุณค่าด้วย</span><br /></span><span style="font-family:Times New Roman;color:#33ffff;">-<span style="color:#00cccc;"> ใช่ เพราะการที่มนูษย์จะประเมินคุณค่าหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งว่ามีคุณค่านั้นจะต้องขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ 3 อย่างคือ</span></span><span style="color:#00cccc;"> </span><br /><span style="color:#00cccc;"><span style="color:#00cccc;">1. คุณค่า</span>ในตัวบุคคลผู้ประเมิน</span><br /><span style="color:#00cccc;">2. คุณค่าของสิ่งเร้า</span><br /><span style="color:#00cccc;">3. คุณค่าในตัวของมันเอง</span><br /><span style="color:#00cccc;">เช่น น้ำ ดิน หิน ซึ่งเป็นของเหลว เป็นคุณสมบัติของน้ำ ความร่วนเป็นคุณสมบัติของดิน ส่วนความแข็งเป็นคุณสมบัติของหิน ซึ่งวัตถุสิ่งเหล่านี้มีคุณค่าในตัวเอง นำไปใช้ประโยชน์หรือเป็นแหล่งอาศัยและใช้ในการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิต รวมทั้งมนุษย์ก็สามารถนำคุณสมบัติของน้ำ ดิน หิน มาใช้ประโยชน์ได้</span><br /><span style="color:#00cccc;"></span><br /><span style="color:#999900;">2. ถ้าคุณค่าในตัวของมันเองเป็นคนละเรื่องกับคุณสมบัติ คุณค่าควรจะอยู่ที่ไหน</span><br /><span style="color:#00cccc;"><span style="color:#ff0000;"></span>- อยู่ในตัวผู้ประเมินเอง คืออยู่ที่คนมองว่าสิ่งนั้นมีความงามหรือเห็นคุณค่าที่เรามองเห็นหรือไม่ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับอารมณ์และความรู้สึกของคนมองนั่นเอง</span><br /><span style="color:#00cccc;"></span><br /><span style="color:#999900;">3. ถ้าคุณค่าในตัวมันเองหมายถึงความสัมพันธ์ที่มีต่อสิ่งอื่นคุณค่าจะเกิดขึ้นลอยๆ โดดๆไม่ได้ และจะต้องรับผลต่อสิ่งนั้นด้วยหรือไม่<br /></span><span style="color:#00cccc;">- ใช่ เพราะคุณค่าในตัวของมันเองต้องมีสัมพันธ์และมีประโยชน์ต่อสิ่งอื่น ด้วยสิ่งเหล่านี้ถึงจะมีคุณค่ามากที่สุด</span><br /><br /><span style="color:#999900;">4. ถ้าคุณค่าในตัวของมันเองหมายถึงการดำรงชีวิตอยู่โดยไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งใด คุณค่าในตัวของมันเองจะมีหรือไม่<br /></span><span style="color:#00cccc;">- บางครั้งการมองสิ่งใดสิ่งหนึ่งจะมีคุณค่าได้นั้นไม่จำเป็นเสมอไปว่าจะเกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กับสิ่งใดหรือมีประโยชน์ต่อการดำราชีวิตการมีมันอยู๋โดดๆก็ย่อมมีคูรค่าได้เช่นกัน ถ้าหากการมองโดยใช้ความรู้สึกเป็นเครื่องมือในการรับสัมผัสถึงคุณค่าของมันก็จะทำให้เราเกิดความพอใจ เกิดความชื่นชมสิ่งนั้นได้ ซึง</span><br /><span style="color:#00cccc;">คณค่าอยู่ที่การมองนั่นเอง</span><br /><span style="color:#00cccc;"></span><br /><span style="color:#999900;">5. การพิจารณาปัญหาคุณค่าแบบโดดๆ โดยไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งใดจะมีผลต่อการพิจารณาปัญหาอื่นๆหรือไม่</span><br /><span style="color:#00cccc;">- การที่จะตัดสินคุณค่าของสิ่งใดสิ่งหนึ่งว่าเกิดขึ้นแบบโดดๆนั้นมีผลต่อการพิจารณาปัญหาอื่นๆได้เพราะบางครั้งการที่วัตถุหรือบุคคลจะมีคุณค่าจะต้องขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมด้วยเช่น คนเลวเมื่อได้รับการอบรมบมนิสัย อาจจะเปลี่ยนทัศนคติใหม่ เขาอาจกลายเป็นคนดีและมีคุณค่าขึ้นมาได้ เมื่องานศิลปได้รับการตกแต่งหรือมีการศึกษาพัฒนา หรือถ่ายทอดงานศิลปนั้นให้คนอื่นงานศิลปก็จะมีคุณค่าเพิ่มมากขึ้น</span> </div><br /><div></div><br /><div></div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjYi_ZCKCIX1_01-ASdp3a1iBRY-zqpgQY8-DGe-7rlLMEADyQjKUDk04SCAWzSOV6b69ifIC5kK9TmNqHIU5WxihMLqs0mH5cOW1n204EZOISSQHzfC0VcXmeV0c1fVuGxQVhaMUXfnmub/s1600-h/sydney-opera-house2.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5127522895473980178" style="CURSOR: hand" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjYi_ZCKCIX1_01-ASdp3a1iBRY-zqpgQY8-DGe-7rlLMEADyQjKUDk04SCAWzSOV6b69ifIC5kK9TmNqHIU5WxihMLqs0mH5cOW1n204EZOISSQHzfC0VcXmeV0c1fVuGxQVhaMUXfnmub/s320/sydney-opera-house2.jpg" border="0" /></a><br /><div></div><br /><div></div><span style="color:#ff6666;">Sydney-opera-house<br /></span><div></div><br /><div></div><br /><div></div><span style="font-size:130%;"></span><span style="font-size:100%;">โอเปร่าเฮ้าส์ สัญลักษณ์ของนครซิดนีย์ แห่งออสเตรเลีย ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งใหม่ขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก โอเปร่าเฮ้าส์ ก่อสร้างเสร็จเมื่อปี 2516 หรือ 34 ปีก่อน ออกแบบโดย ยอร์น อุดซอน สถาปนิกชาวเนเธอร์แลนด์ คณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโกซึ่งประชุมกันที่เมืองไครสท์เชิร์ช ของนิวซีแลนด์ มีมติให้โอเปร่าเฮ้าส์เป็นหนึ่งในสถานที่ทางวัฒนธรรมแห่งใหม่ 4 แห่ง ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยให้เหตุผลว่า <span style="color:#999900;">โอเปร่าเฮ้าส์ เป็นสถาปัตยกรรมยิ่งใหญ่สมัยศตวรรษที่ 20 ผสมผสานความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมได้อย่างกลมกลืน มีสภาพภูมิทัศน์ริมน้ำที่โดดเด่น</span> หันหน้าไปสู่สะพานฮาร์เบอร์ และมีอิทธิพลต่อสถาปัตยกรรมมายาวนาน ส่วนสถานที่ทางวัฒนธรรมอีก 3 แห่ง ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ได้แก่ ป้อมแดงในอินเดีย เหมืองแร่เงินอิวามิกินซัง ในญี่ปุ่น และป้อมพาร์เธียนแห่งนิซา ในเติร์กเมนิสถาน<br /></span><div></div><br /><div></div><br /><div></div><br /><div></div><br /><div></div><br /><div></div><br /><div></div><br /><div></div><br /><div></div><br /><div></div><br /><div></div><br /><div></div><br /><div></div><br /><div></div><br /><div><br /><span style="color:#00cccc;"></span><br /><br /><br /><br /><br /><br /><br /><br /><br /><br /><span style="font-family:Times New Roman;color:#33ffff;"></span><br /><br /></div><span style="font-family:Times New Roman;"></span>nursehttp://www.blogger.com/profile/15732672837613274503noreply@blogger.com0